เปิดประวัติ ชีวิต ที่ต้องสู้ ในนาม พรหมพัฒน์ โชติสิรดานันท์ น้องโซคูล
1 min readวันนี้คอลัม เพชรเม็ดใหม่
ขอเสนอ คำว่าชีวิตต้องสู้
ชีวิตของคนเรานั้นมีความหมายเสมอหากรู้จักตัวตนของตนเองว่าเป็นใคร สถานะใด ต้องการอะไร
มีเป้าหมายในชีวิตอย่างไร บางคนมีชีวิตอยู่เพื่อต้องการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อตนเอง บางคนมีชีวิตอยู่เพื่อคน
ที่รัก บางคนคิดว่ามีชีวิตเพื่อชดใช้กรรมที่กระทำมาแต่ชาติปางก่อน แต่สำหรับข้าพเจ้านั้นมีชีวิตเพื่อค้นหา
สิ่งที่ยังไม่เคยพบเจอ อยู่เพื่อคนที่ตนรัก และทำทุกวันนี้ให้มีความสุขตราบใดที่ยังมีลมหายใจ
ข้าพเจ้าชื่อนายพรหมพัฒน์ โชติสิรดานันท์ อายุ 24 ปี ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นปริญญา
เอก สาขาศิลปะและการออกแบบ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ข้าพเจ้าเป็นคนพิการตั้งแต่กำเนิด แต่ข้าพเจ้าก็
ไม่เคยที่จะท้อแท้ต่อโชคชะตา เพราะคนเราเกิดมาไม่สามารถเลือกได้ แต่สามารถที่จะเป็นได้ตามที่ใจ
ต้องการ ตอนข้าพเจ้าอยู่ในท้องแม่ นางสาวณัฏฐญาภัค โชติสิรดานันท์ ปัจจุบันอายุ 47 ปี ทุก ๆ เดือนแม่
จะไปตรวจที่คลีนิคเสมอ หมอบอกว่าปกติดีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง อาจจะเป็นเพราะเทคโนโลยีทางการ
แพทย์สมัยนั้นยังล้าหลัง จึงไม่สามารถรับรู้ได้ล่วงหน้าก่อนที่ข้าพเจ้าจะเกิดมาลืมตาดูโลก พอเกิดมาก็ต่าง
มีเสียงนินทาจากคนรอบข้างว่า ชาติที่แล้วคงต้องไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้อย่างแน่นอน บางคนก็นินทาว่า
พ่อกับแม่ทำเวรกรรมไว้จึงส่งผลมายังข้าพเจ้า แต่ไม่เป็นผลต่อความรู้สึกของแม่และพ่อเลย ท่านทั้งสอง
เลี้ยงดูข้าพเจ้าด้วยความรัก ความเมตตาปราณีช่วงประมาณ 3 เดือนที่เกิดมา ข้าพเจ้าก็ได้ผจญภัยไป
หลากหลายที่ เพราะต้องทำการผ่าตัดขาเพื่อให้เป็นปกติอย่างคนทั่วไป แต่เมื่อผ่านไปหลายต่อหลายครั้ง
หลายโรงพยาบาลที่ทำการผ่าตัด ก็ไม่สามารถทำให้ข้าพเจ้าเป็นปกติได้เลย เพียงแค่ทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม
เท่านั้น พอเวลาผ่านไปจนอายุครบ 7 ขวบ ข้าพเจ้าก็ได้ไปกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาลสวนดอก อำเภอ
เมือง จังหวัดเชียงใหม่ ความรู้สึกตอนนั้นทรมาณมากเพราะต้องยืดขาให้ตรง ข้าพเจ้าร้องไห้ด้วยความ
เจ็บปวด เลยตัดสินใจบอกกับพ่อและแม่ว่า จะไม่ทำการกายภาพบำบัดอีกต่อไป เพราะทุกวันนี้ก็มีความสุข
อยู่แล้ว เพราะได้อยู่กับครอบครัวที่มีความสุข ในช่วงนั้นข้าพเจ้าก็มีน้องสาวเข้ามาในชีวิตอีก 1 คน คือ
นางสาวทิพย์ธารา สิงห์สุวรรณ ปัจจุบันอายุ 16 ปี กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กว่าจะได้
น้องมาต้องอ้อนวอนขอน้องสาวจากแม่และพ่อ ตั้งหลายเดือน เพราะหวังว่าสักวันจะดูแลเราได้แทนพ่อกับ
แม่ยามแก่ชรา เวลาผ่านไปจนถึงช่วงวัยมัธยมศึกษาตอนต้น ช่วงนั้นข้าพเจ้าเรียนอยู่ที่โรงเรียนศรีสังวาลย์
เชียงใหม่ เป็นโรงเรียนสำหรับเด็กพิการทางร่างกาย และเป็นโรงเรียนประจำอยู่กินนอน ความจริงข้าพเจ้า
เข้าไปอยู่ข้างในนั้นตอนอายุได้ 8 ขวบ ตอนแรกก็รู้สึกเหงาเพราะต้องห่างจากพ่อและแม่ แต่เมื่อเวลาผ่าน
ไปก็ได้เจอเพื่อนที่ดี บุคลากรที่ดี คุณครูที่ดี ข้าพเจ้าก็มีความสุขเพราะได้ทำกิจกรรมหลากหลายอย่าง เช่น
เป็นนักร้องของโรงเรียน นักวาดภาพ พิธีกร ดีเจจัดรายการวิทยุ แต่ทันใดนั้นชีวิตของข้าพเจ้าก็ได้เปลี่ยน
แปรผันเหมือนฟ้าผ่าลงมาบนหัว เพราะพ่อกับแม่แยกทางกัน จนตอนนี้แม่ก็ได้แต่งงานใหม่กับพ่อใหม่ ชื่อ
นายนัทธวัฒน์ ปุมแปง ปัจจุบันอายุ 48 ปี เขาก็ใจดี นิสัยดี สามารถดูแลข้าพเจ้า แม่ข้าพเจ้า และรวมไปถึง
น้องสาวได้เป็นอย่างดี เขาเจอกันตั้งแต่ผมเรียนอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่โรงเรียนสันทราย
วิทยาคม ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นโรงเรียนของเด็กปกติซึ่งข้าพเจ้าต้องเรียน
ร่วมกับเด็กปกติที่นั่น ทุกคนใจดีและดูแลผมเป็นอย่างดี อาจจะมีทะเลาะกันบ้างตาภาษาวัยรุ่น แต่สุดท้าย
ก็รักกัน จนถึงตอนนี้ข้าพเจ้ากำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นปริญญาเอก สาขาศิลปะและการออกแบบ คณะวิจิตรศิลป์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่ค่าเทอมของข้าพเจ้านั้นยังดีที่มีผู้คนช่วยอุปถัมภ์ แต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆก็ต้องหาด้วยตนเอง เพื่อแบ่งเบาภาระครอบครัว ตอนนี้พ่อเลี้ยงกับแม่ก็ไม่ได้ท างาน เพราะต้องมาดูแลข้าพเจ้า แต่รายได้หลักของครอบครัวตอนนี้ก็มาจากการ
จำหน่ายภาพวาดของข้าพเจ้า โดยการรับวาดภาพเหมือนด้วยปาก ถึงแม้บางครั้งเงินที่ได้จะน้อย แต่
ข้าพเจ้าและครอบครัวก็ไม่เคยดูถูกค่าของเงินเลย แต่กลับมีความสุขทุกครั้งที่ได้ โดยเฉพาะการท างานที่
เป็นธุรกิจของครอบครัว ซึ่งเป็นอะไรที่อบอุ่นมากที่สุด ผลงานที่ภาคภูมิใจสำหรับผมคือ ผมได้แข็งขันรายการ Over The limit Talent Show ปฏิบัติการทะลุพิกัด ของกรมส่งเสริมพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ช่อง NBT แล้วชนะเลิศอันดับที่ 1 มาได้ และอีกหนึ่งความภาคภูมิใจคือ ผมได้รับรางวัลคนพิการต้นแบบ ปี 2563 ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติ โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ นอกจากผมจะรับวาดภาพเหมือนด้วยปากแล้วผมก็ยังหาอาชีพเสริมในช่วง covid ที่ผ่านมาคือการขายอาหารเสริมออนไลน์ จากบริษัทเลกาซี่ ผมไม่คิดว่าการทำงานแบบนี้จะน่าเกลียดแต่กลับกลายเป็นว่าเป็นงานที่ให้คุณค่าและให้เงินกับผมเพื่อที่จะเอาไปเลี้ยงครอบครัว ผมไม่อายที่จะทำในสิ่งที่แตกต่าง และผมก็ได้แต่งเพลงขายเพื่อนเลี้ยงตัวเองและครอบครัวด้วย สำหรับท่านใดที่ต้องการสั่งภาพวาดเพื่อเป็นของขวัญให้กับตนเองและผู้อื่น หรือต้องการสอบถามเรื่องการลดไขมันและเรื่องสุขภาพให้ถูกหลักโภชนาการ หรืออยากให้ผมแต่งเพลง สามารถติดต่อมาได้ที่ 0646566987 หรือทาง Facebook : พรหมพัฒน์ โชติสิรดานันท์ และช่องทาง Line ID : socool2498
สุดท้ายนี้ผมก็ขอมอบเพลงนี้ให้เป็นของขวัญให้กับ
พี่โอปอ บรรณวัฒน์ วัชรกุลภิรมย์
บริษัทโอปอการดนตรีจำกัด ในเพลง อย่า…
หากเราท้อแท้กับชีวิตให้แหงนมองท้องฟ้าในทุก ๆ วัน ว่าวันพรุ่งนี้ต้องมีอะไรที่น่าค้นหา อยู่ไม่มาก
ก็น้อยไป หากเสียใจตอนนี้ พรุ่งนี้ก็ไม่มีอะไรเหลือเลย เพราะความเสียใจได้ครอบง าจิตวิญญาณของคุณไป
แล้ว เพราะฉะนั้นจงสู้ด้วยหัวใจ และก้าวไปด้วยความหวังอย่างมีความสุขชั่วนิจนิรันดร์